การลดน้ำหนักดูเหมือนที่จะเป็นเรื่องที่ทำง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วการที่เราจะลดน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ยาก ด้วยการฝึกวินัยในการกินรวมถึงการเปลี่ยนแปลงนิสัย เพื่อจะได้ผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักที่รวดเร็วรวมไปถึงสามารถรักษาน้ำหนักให้เป็นไปตามเกณฑ์ได้ตลอดในระยะยาวและอีกอย่างคือเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ดังนั้นการมีหลักการลดน้ำหนัก ด้วยการออกกำลังกายและการเลือกกินอาหารอย่างถูกต้อง เราต้องต้องตระหนักถึงอยู่เสมอ แล้ววิธีการลดน้ำหนักที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นมีอะไรบ้างมาชมกันเลย
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
1.หลักการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง
- ลดไขมันในร่างกาย ไม่ใช้แค่ลดน้ำหนักจากน้ำในร่างกายหรือลดเพียงแต่มวลกล้ามเนื้อ
- อย่าหยุดกินอาหาร ควรเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่จากผักและผลไม้
- ลดปริมาณอาหารในการกินหรืออาจจะเปลี่ยนมากินอาหารที่มีพลังงานต่ำ
- อาหารที่อยู่ในจำพวก อาหารทอด ผัด อาหารที่มีไขมันและมีน้ำตาลสูง ควรบริโภคให้น้อยหรืออาจจะนานๆทีบริโภค
- อัตราการลดน้ำหนักที่เหมาะสมในระยะสั้น คือ ใน 1 สัปดาห์ ควรลดน้ำหนักได้ไม่เกิน 0.5 – 0.75 กิโลกรัม และใน 6 เดือน ควรลดให้ได้ 10% ของน้ำหนักตัวของวันแรกที่ทำการลดน้ำหนัก
- ควรรักษาน้ำหนักตัวที่ลดลงให้คงที่ไปมากกว่า 1 ปีเพื่อที่จะให้สุขภาพร่างกายและการลดน้ำหนักที่ยั่งยืน
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
2.สิ่งที่สำคัญในการลดน้ำหนักที่ดี
- ควรตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนัก
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
- แบ่งเวลาในการออกกำลังกาย
- พักผ่อนให้เพียงพอ
เพียงแค่ท่านทำทั้ง 4 ข้อนี้ ท่านก็สามารถลดน้ำหนักได้แล้วครับ เพราะว่า เพียงแค่ท่านมีเป้าหมาย ควบคุมการกินที่เหมาะสมออกกำลังกายบ้างและพักผ่อนให้เพียงพอก็จะมี หุ่นที่ดี
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
3.การลดน้ำหนักที่ดีกับร่างกาย
- ลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย
- สุขภาพร่างกายดีขึ้น แข็งแรงขึ้น
- ไร้ส่วนเกินจากไขมันในร่างกายที่มีมากจนเกินความจำเป็นของร่างกาย
- ความดันโลหิต ไขมัน และน้ำตาลในเลือดดีขึ้น
- ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน เป็นต้น
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
4.สูตรลับอาหารลดน้ำหนัก
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
ลดน้ำหนักที่ได้ผลเร็วแต่มีผลเสียระยะยาว
หากสามารถจำกัดพลังงานการกินอาหารไม่เกิน 900 แคลอรี่ต่อวันจะสามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วในเวลา 2-3 เดือน แต่ว่าการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้อาจจะทำให้เกิดการขาดสารอาหารหรืออาจจะเกิดสภาวะความเครียดได้ ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง หรืออาจจะลดน้ำหนักด้วยวิธีที่วัยรุ่นชอบทำกันอย่าง การอดอาหาร หรือการกินอาหารหนักๆแค่คาบเดียว การทำการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ยิ่งไม่ควรอาจจะทำให้ท่านเกิดอันตรายได้ เช่น ทำให้เกิดหน้ามือ ทำให้ระบบเผาผลาญเสื่อมลง ร่างกายอ่อนล้าง่าย เป็นต้น ดั้งนั้นวิธีนี้ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเสี่ยงต่อโรคภัยมากยิ่งทำยิ่งมีแต่ทำให้ร่างกายพังและพังในระยะยาว
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
ลดน้ำหนักที่ได้ผลช้าแต่มีผลดีในระยะยาว
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
1.เลือกกินอาหารที่มีพลังงานต่ำ
หากปกติท่านรับประทานอาหารต่อมื้อ โดย มีข้าวสวย 3 ทับพี แอปเปิ้ล 2 ผล ไก่ทอด 2 น่อง ผัดผัก 100 กรัม ชาเย็น 1 แก้ว พลังงานที่จะได้รับในมื้อนี้จะเท่ากับ 1135 แคลอรี่ แต่หากลดแอปเปิ้ลลงจาก 2 ผลเหลือ 1 ผล และเปลี่ยนจากไก่ทอดเป็นไก่ย่าง เปลี่ยนผัดผักเป็นผักลวกและเปลี่ยนชาเย็นเป็นน้ำเปล่าแทน ท่านก็จะได้รับพลังงานต่อมื้อแค่ 610 แคลอรี่ต่อมื้อลดจากการกินแบบไม่เลือกกินตั้ง 525 แคลอรี่ แค่นี้ท่านก็จะลดน้ำหนักได้แล้ว แต่วิธีนี้ค่อนข้างจะช้าแต่ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย
2.ทำตามข้อที่ 1 + ออกกำลังกาย
ถ้าอยากให้ลดน้ำหนักให้เร็วกว่าข้อที่ 1 ท่านควรเพิ่มการออกกำลังกายเข้าไป อย่างเช่น ท่านกินอาหารต่อมื้อประมาณ 530 แคลอรี่ต่อมื้อ หรือท่านอาจจะรับพลังงานประมาณ 1600-2200 แคลอรี่ต่อวัน ท่านควรจะออกกำลังกายอย่างน้อย 1-3 วันต่อสัปดาห์ เช่น การเดิน 1 ชั่วโมง(ใช้พลังงาน 260-300 แคลอรี่) หรือท่านอาจจะวิ่ง 30 นาที(ใช้พลังงาน 400-500 แคลอรี่) เป็นต้น การทำตามวิธีนี้จะทำให้ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าข้อที่ 1 ประมาณ 10-20%
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
เรื่องต้องรู้
หากใครลดน้ำหนักเร็วจนเกินไปจากน้ำหนักตัวตอนเริ่มต้นการลดน้ำหนัก อาจจะทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ เกิดความเครียด และอาจจะเกิดการเป็นโยโย่ได้
พลังงานที่ควรได้รับต่อวันสำหรับผู้หญิง คือ 1500-2000 แคลอรี่ต่อวัน และผู้ชายควรได้รับพลังงาน 2000-2500 แคลอรี่ต่อวัน แต่อาจจะมีปัจจัยอื่นๆในการกินเช่น การทำงานที่แตกต่างกัน น้ำหนักตัวที่ต่างกันและอายุที่ต่างกัน เป็นต้น
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
สรุป
การลดน้ำหนักที่ได้ผลดีที่สุด คือ ควบคุมการรับประทานอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายไปด้วย จะทำให้การลดน้ำหนักได้ผลดีและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อได้อีกด้วย การลดน้ำหนักโดยการอดอาหารนั้นไม่ควรทำอย่างยิ่งอาจจะทำให้ท่านเกิดอันตรายและมีโรคแทรกซ้อนได้ อย่างห่วงแค่ผลลัพธ์ควรห่วงสุขภาพตัวท่านเองด้วย
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀